4 ข้อผิดพลาดในการวาง Stop
เราจะมาพูดถึงข้อผิดพลาดในการตั้ง Stop loss ที่เทรดเดอร์ส่วนมากมักจะทำผิดกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งความผิดพลาดที่จะกล่าวต่อนี้เกิดจากการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ผิดวิธี ซึ่งเทรดเดอร์ควรตระหนักถึงเรื่องนี้
- วาง Stop แคบมาก
หลายคนชอบคิดว่าการวาง Stop แคบ ทำให้ความเสี่ยงเราต่ำมาก แต่อย่าลืมยิ่งเราวาง Stop แคบ โอกาสโดนลากกิน Stop ก็สูงเช่นกัน ซึ่งควรจะวางให้เหมาะสมกับการเคลื่อนไหวปกติของราคา เช่น เราเปิด Long ค่าเงิน GBP/JPY ที่ 145.00 และวาง Stop ที่ 144.90 มันมีโอกาสสูงมากที่ราคาจะแกว่งตัวสัก 10-15 pips ก่อนที่จะไปสู่เป้าหมายของเราที่วางไว้ที่ 147 ซึ่งจะเห็นได้ว่าการคาดการณ์ของเรานั้นถูกก็จริง แต่ก่อนราคาขึ้นไปสู่เป้าหมายนั้น เราถูกกิน Stop ไปแล้ว ทำให้เราพลาดโอกาสการทำกำไรในรอบดังกล่าว
ดังนั้นการวาง Stop ที่ดีควรมีช่วงให้ราคาได้หายใจบ้าง ให้มีช่วงการแกว่งตัวตามธรรมาชาติของมัน
- กำหนด Position size จาก Stop loss ไม่ใช่กำหนด Stop loss จาก Position size
เทรดเดอร์มือใหม่หลายคนชอบใช้วงเงินของพอร์ตเป็นตัวกำหนด Stop loss ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด เราควรใช้ Stop loss เป็นตัวกำหนด Position size มากกว่า
ตัวอย่าง
- มีเงิน USD 5,000 , เทรด EUR/USD
- รับความเสี่ยงได้ 1% ของพอร์ต = USD 50
- ตั้ง Stop loss ไว้ 200 pips
- 1 pips จะขาดทุน = 50 / 200 = USD 0.25 ต่อ pip
- และสุดท้ายคำนวณ Position size ที่เปิดได้ คือ USD 0.25 ต่อ pip * [10,000 (1 mini lot) / USD 1 ต่อ pip] = 2,500 หน่วย EUR/USD
- วาง Stop กว้างไป
ตรงข้ามกับการวาง Stop แคบไป เช่นเดียวกัน ถ้าเราวาง Stop กว้างไปก็เป็นผลเสียได้เดียวกัน หมายความว่าเราปล่อยให้ออเดอร์ที่ขาดทุนอยู่กับเราไปนานขึ้น แสดงถึงจังหวะเข้าเราผิดพลาด ดังนั้นการวาง Stop loss ที่ดีควรให้มีความเหมาะสม ไม่แคบไป ไม่กว้างไป หลักเบื้องต้นในการวาง Stop loss ที่เหมาะสมนั้นก็ให้เหมาะสม Risk reward ratio เช่น 2 : 1 เป็นต้น
- วาง Stop ที่จุดแนวรับ แนวต้านที่คนส่วนใหญ่มองเห็น
หลายครั้งที่เกิด Bear trap และ Bull trap ก็เพราะว่าพวก Big money มักลากราคาให้ไปกินจุด Stop loss ที่รายย่อยส่วนมากมักวางไว้ตรงนั้น เช่นจุด Low หรือ High สำคัญๆ ซึ่งตรงนี้มักเกิด Fail ค่อนข้างบ่อย ดังนั้นการป้องกันเหตุการณ์นี้เราก็ควรเผื่อจุด Stop ออกมาหน่อยเพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว
ทีมงาน : forexindicatorsthai.com
